มาย..อัลบัม..แอ๊บสุดๆ

เพลงโปรด

วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553

วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553





ประวัติความเป็นมา

ตำบลสวนผึ้ง มีอาณาเขตการบริการ การปกครอง แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เทศบาลสวนผึ้ง และ อบต.สวนผึ้ง ซึ่งตั้งที่ทำการอยู่หมู่ที่ 2 บ้านทุ่งแฝก ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ห่างจากที่ว่าการ อ.สวนผึ้ง ประมาณ 2 กม. ซึ่งยกฐานะของสภาตำบลเป็น อบต.สวนผึ้ง ในวันที่ 30 มีนาคม 2539 แบ่งการปกครองทั้งหมด 8 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 1 บ้านปอ, หมู่ที่ 2 บ้านทุ่งแฝก, หมู่ที่ 3 บ้านผาปก, หมู่ที่ 5 บ้านถ้ำหิน, หมู่ที่ 6 บ้านห้วยคลุม, หมู่ที่ 7 บ้านห้วยผาก, หมู่ที่ 8 บ้านตะโกล่าง จำนวนหมู่บ้านในเขตการกครองของ อบต. เต็มทั้งหมู่บ้าน มีทั้งหมด 5 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 3, 5, 6, 7, 8 และจำนวนหมู่บ้านในเขตการปกครองของ เทศบาล และ อบต. ได้แก่ หมู่ที่ 1, 2, 4 สภาพทั่วไปของตำบล :เป็นพื้นที่ราบสูงเป็นภูเขาสลับกับพื้นที่ราบ มีแม่น้ำชีไหลผ่าน ซึ่งไหลมาจากน้ำตกเก้าโจน และธารน้ำร้อนไหลผ่าน เป็นพื้นที่ติดต่อกับชายแดนพม่า ซึ่งมีคนต่างด้าวอาศัยอยู่กันมาก ซึ่งส่วนมากเป็นชาวกระเหรี่ยง อพยพ

อาณาเขตตำบล


ทิศเหนือ ติดกับ ต.จระเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย จ. กาญจนบุรีทิศใต้ ติดกับ อบต.ตะนาวศรี อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ทิศตะวันออก ติดกับ อบต.ป่าหวาย และ เทศบาลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ทิศตะวันตก ติดกับ สาธารณรัฐสังคมนิยมแห่งสหภาพพม่า

จำนวนประชากรของตำบล


จำนวนประชากรในเขต อบต. 10,416 คน และจำนวนหลังคาเรือน 3,579 หลังคาเรือน

ข้อมูลสถานที่สำคัญของตำบล


1. ที่ว่าการ อ.สวนผึ้ง2. สถานีตำรวจภูธร อ.สวนผึ้ง3. กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 1374. สำนักงานประถมศึกษา อ.สวนผึ้ง5. ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียน อ.สวนผึ้ง6. สาธารณสุข อ.สวนผึ้ง7. สำนักงานเกษตร อ.สวนผึ้ง8. ธารน้ำร้อนบ่อคลึง9. น้ำตกเก้าโจน10. ไร่กุหลาบอุษาวดี11. จุดชมวิวเขากระโจม

สถานท่องเที่ยว อ.สวนผึ้ง



ถานที่ท่องเที่ยว อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี


บ่อพุน้ำร้อนโป่งกระทิง
เดินทางไปตามถนนสายโป่งกระทิง-พุน้ำร้อน ประมาณ 1 กิโลเมตร จะเห็นป้ายเลี้ยวเข้าไปอีก 1 กิโลเมตร เป็นบ่อพุน้ำร้อนขนาดเล็ก กว้างประมาณ 5 เมตร เมื่อยืนล้อมรอบบ่อและช่วยกันปรบมือหรือเคาะเสียงดัง น้ำในบ่อจะผุดเป็นฟองขึ้นมาเหนือผิวน้ำ ใกล้กันมีบ่อน้ำเล็ก ๆ สำหรับอาบน้ำร้อนได้




โป่งยุบ

ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 99 หมู่ 6 บ้านท่าเคย ตำบลท่าเคย อยู่ในพื้นที่ของชาวบ้าน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีลักษณะแปลกตา ในเนื้อที่ประมาณ 60 ไร่ เกิดจากการยุบตัวของแผ่นดินทำให้เกิดลักษณะโตรกผาคล้ายกับแพะเมืองผีจังหวัดแพร่ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. อัตราค่าเข้าชมคันละ 30-50 บาท หากมาเป็นหมู่คณะต้องแจ้งล่วงหน้าก่อนเข้าชม การเดินทาง ไปตามทางหลวงหมายเลข 3087 (จอมบึง-สวนผึ้ง) บริเวณกิโลเมตรที่ 26-27 ก่อนถึงตัวอำเภอสวนผึ้ง 5 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายไปอีกประมาณ 3.6 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาไปอีก 500 เมตรการเดินทาง ไปตามทางหลวงหมายเลข 3087 (จอมบึง-สวนผึ้ง) บริเวณกิโลเมตรที่ 26-27 ก่อนถึงตัวอำเภอสวนผึ้ง 5 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายไปอีกประมาณ 3.6 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาไปอีก 500 เมตร



ธารน้ำร้อนบ่อคลึง


การรดินทางจากตัวอำเภอสวนผึ้งไปประมาณ 5 กิโลเมตร จะพบแยกเข้าสู่ธารน้ำร้อนบ่อคลึงตรงไปอีก 10 กิโลเมตร บ่อคลึงเป็นธารน้ำร้อนธรรมชาติที่มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาตะนาวศรี จะมีน้ำไหลอยู่ตลอดปี เป็นน้ำร้อนบริสุทธิ์ อุณหภูมิของน้ำประมาณ 120-136 องศาฟาเรนไฮต์ ในช่วงฤดูหนาวยามเช้าไอน้ำร้อนจะลอยกรุ่นเป็นหมอกสวยงาม มีบ่อน้ำร้อนและสระน้ำสำหรับอาบน้ำร้อนธรรมชาติ เปิดทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.00–17.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์เปิดเวลา 08.00–18.00 น. ค่าผ่านประตู 5 บาท





น้ำตกเก้าชั้น หรือ เก้าโจน


ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยผาก หมู่ 7 ตำบลผาผึ้ง เลยจากธารน้ำร้อนบ่อคลึงไปประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดกลาง มีความสูง 9 ชั้น ตกจากหน้าผาสูงกลางหุบเขา มีน้ำตลอดปี ปริมาณน้ำจะมากในชั้นบนๆ หินบริเวณน้ำตกเป็นหินแกรนิต แต่เดิมน้ำตกนี้รู้จักกันเฉพาะในกลุ่มชาวกะเหรี่ยง ต่อมาบริษัทต่างชาติเข้ามารับสัมปทานเหมืองแร่เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2484 ต่อมาเมื่อหมดสัมปทาน ทางอำเภอและกลุ่มองค์กรท้องถิ่นจึงได้เข้ามาดูแลพื้นที่ การเดินไปชมน้ำตก จากลานจอดรถเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร ถึงบริเวณน้ำตกชั้นล่าง ซึ่งสามารถเดินเท้าขึ้นไปถึงชั้นสุดท้ายได้ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงค่าเข้าชม รถยนต์ รถตู้ รถปิกอั๊พ คันละ 30 บาท รถบัส 100 บาท




พุน้ำร้อนไทยประจัน
เป็นบ่อพุน้ำร้อนที่ตั้งอยู่ในเขตกิ่งอำเภอบ้านคา มีอุณหภูมิในบ่อ 65 องศาเซลเซียส หากผู้มาเยือนสร้างคลื่นเสียงด้วยการปรบมือ น้ำร้อนในบ่อจะมีฟองอากาศพวยพุ่งออกมา เปิดให้นักท่องเที่ยวเลือกอาบได้ระหว่างน้ำเย็นที่ไหลจากเทือกเขาตะนาวศรีและน้ำร้อนที่ไหลจากบ่อ










วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552

การเลี้ยงกระต่าย


การเลี้ยงกระต่าย



สำหรับผู้ที่เริ่มเลี้ยงกระต่าย ในอันดับแรกที่เราควรจะนึกถึง ก็คือสถานที่ ที่เราจะเลี้ยงเพราะ กระต่ายเป็นสัตว์ที่ไม่ใช้พี้นที่มาก ในการเลี้ยงดู และควรจัดมุมให้อยู่เป็นสัดส่วน เช่น ถ้าเราต้องการเลี้ยงไว้ในบ้าน ก็ควรเป็นมุมที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่มีแดดส่องทั้งวัน ฝนโม่สาด หรือถ้าต้องการเลี้ยงไว้นอกบ้าน ก็ควรจะเป็นที่มีหลังคา กันแดด กันฝน และอากาศถ่ายเทได้สะดวกเช่นกัน กรงและอุปกรณ์ในการลกระต่าย สำหรับกรงนั้น ในปัจจุบัน มีไห้เลือกมากมายหลายแบบ แต่สำหรับกระต่ายนั้น เราควรทีจะเลือก ที่มีความแข็งแรงสักหน่อย เพราะกระต่าย เป็นสัตว์ที่ชอบกัดแทะ ไม่ควรเลือก ซื้อกรงที่เป็นประเภท ชุบพลาสติก เพราะอาจทำเกิดอันตรายกับกระต่ายได้ ลักษณะของกรงนั้น จะเป็นกรงลวดหรือกรงไม้ก็ได้ หากสามารถทำกรงเองได้ ก็ทำตามแบบ ที่เราต้องการตามความพอใจ แต่ต้องคำนึงถึงหลักเกณฑ์คร่าวๆ ดังนี้ เช่นถ้าเป็นกรงลวดก็ควรจะมีความกว้างระมาณ 40 ซม. ยาว 80 ซม. สูง 40 ซม. (สำหรับ 2 ตัวอยู่ได้จนโต) ส่วนกรงไม้ ควรจะมีดนาดใกล้เคียงกับ กรงลวด และควรจะทำให้กันแดดกันฝนด้วย และถ้ากลัวกระต่ายจะโดนยุงกัด ก็ใช้ผ้าหรือตาข่ายคลุมก็ได้

อุปกรณ์ในการดูแลกระต่าย สำหรับอุปกรณ์นั้นนอกจากกรงแล้วก็คงจะเป็นกระถางใส่อาหาร ควรจะเลือกที่เป็นกระถางดินเผากว้างซัก 5 นิ้ว สูง 2.5 นิ้ว ก็พอ ส่วนกระถางแบบอื่นควรจะพิจารณาให้ดี เพราะว่ากระต่ายจะชอบดึงหรือแทะกระถาง อาจทำให้อาหารหกหล่นได้ ขวดน้ำในปัจจุบันมีมากมายหลายแบบ ควรเลือก แบบที่แข็งแรง เพราะจะได้ใช้งานได้นาน ไม่ว่าจะเป็นแบบลูกปืน หรือจุกก็ได้
สำหรับเรื่องอาหาร หญ้า หรือ ผักสด อาหารเสริม อุปกรณ์ของเล่นต่างๆ อาหารที่เหมาะในการใช้เลี้ยงกระต่าย ปัจจุบันมีมากมาย หลากหลายยี่ห้อทั้งที่ผลิตในประเทศไทย และนำเข้าจากต่างประเทศ เป็นอาหารชนิดเม็ดซึ่งหาซื้อได้ทั่วไป หญ้าและผักสดใน ปัจจุบันจะมี ทั้งหญ้าอบแห้ง หญ้าสดและผักต่างๆอีกมากมาย แต่ผักที่กระต่ายชอบเป็นพิเศษ เช่น ผักกาดขาว ผักบุ้งจีน เป็นต้น ส่วนหญ้าที่กระต่ายชอบก็มีหลายชนิดเช่น หญ้าขน หญ้าแพรก สำหรับอาหารเสริม ควรจะมีแคลเซี่ยมชนิดก้อนแขวนไว้ไห้กระต่ายกิน วิตามินใช้ผสมน้ำ ก็จะทำให้กระต่ายมีสุขภาพที่แข็งแรงยิ่งขึ้น กระบะที่ไว้ไข้ใส่ขี้เลี่อยกำจัดกลิ่น เพื่อให้กระต่ายใช้ฝึกในการขับถ่าย สำหรับกระบะ ที่ใช้ใส่ขี้เลื่อยกำจัดกลิ่นควรมีขนาดกว้าง 5 นิ้ว ยาว 8 นิ้ว สูง 3 นิ้ว ขี้เลื่อยกำจัดกลิ่นที่เหมาะสำหรับกระต่ายคือแบบ ปกติ และแบบอัดเม็ด เป็นต้น
การคัดเลือกสายพันธุ์ ปัจจุบันในประเทศไทยมีกระต่ายมากมายหลายสายพันธุ์ ทั้งนี้ผู้เลี้ยงควรคำนึงถึงสถานที่ว่าบ้าน หรือบริเวณที่ต้องการจะเลี้ยง เหมาะกับกระต่ายสายพันธุ์ไหน ขนาดเล็กหรือใหญ่ การพิจารณาเลือกซื้อ ควรเลือกฟาร์มหรือร้านที่มีประสบการณ์ ในการเลี้ยงและเพาะพันธุ์ มีการรับรองมาตรฐานสายพันธุ์ และรับรองในเรื่องของสุขภาพ ถ้ามีใบรับประกันสายพันธุ์ และติดตามหลังการขายก็จะดีมาก การพิจารณาสายพันธุ์กระต่าย การเลือกชื้อสายพันธุ์ ผู้ซื้อควรพิจารณาจาก ความชอบ ความเหมาะสม ขนาด และชนิดสายพันธุ์ของกระต่าย ผมจะยก ตัวอย่างคร่าวๆ แบ่งกระต่ายออกเป็น 3 กลุ่มคือ

1 ขนาดใหญ่ ในประเทศไทยจะมีอยู่หลายสายพันธุ์ เช่น แฟนซี เล็กช์ (กำมะหยี่) นิวซีแลนด์ไวท์ แฟมิลิไจแอนท์ ฮอลแลนด์ล็อป กระต่ายกลุ่มนี้จะมีน้ำหนักเมื่อใดเต็มที่ประมาณ 3.5 กก. ขึ้นไปมีลักษณะแตกต่างกันดังนี้
1.1 พันธุ์แฟนซี เป็นกระต่ายลูกผสม มีหลากหลายสายพันธุ์ ส่วนมากจะใช้ พันธุ์พื้นเมือง ผสมกับสายพันธุ์อื่นเช่น พันธุ์พื้นเมือง+อิงลิชสปอต (กระต่ายลายขาวดำ) พันธุ์พี้นเมือง+ฮาลิคควีน (กระต่ายลากเสือ) และพันธุ์พื้นเมือง + ดัชท์ (บริเวณหน้าผาก รอบลำตัว เท้าหน้า และปลายเท้าหลัง จะเป็นสีขาว และนอกจากนั้นจะเป็นสีอื่นตัดกันอย่างชัดเจน) ทำให้เกิดสีสัน มากมายหลากหลาย และในปัจจุบันเรามักจะเรียกกระต่ายสากพันธุ์นี้ว่าแฟนซี
1.2 พันธุ์เล็กซ์ (กำมะหยี่) เป็นสายพันธ์ที่สั่งนำเข้าจากต่างประเทศ ลักษณะเด่นคือขนสั้นหนา เป็นมันเงา คล้ายผ้ากำมะหยี่ ตัวใหญ่ลักษณะกะโหลกใหญ่ หูยาว สมส่วน มีน้ำหนักโต เต็มที่ 3.5 กก.- 4.5 กก. มีมากมายหลายสี
2. ขนาดกลาง ในประเทศไทยมีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ เช่น เจอรี่วู้ดดื้ ไลอ้อนเฮท แองโกล่า ซิลเวอร์มาแทน กระต่ายกลุ่มนี้จะมีน้ำหนักเมื่อโตเต็มที่ ประมาณ 2 กก. ขึ้นไป โดยมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
2.1 เจอรี่วู๊ดดี้ เป็นกระต่ายขนยาวประมาณ 3 นิ้วตลอดทั้งลำตัว มองดูลักษณะ คล้ายสุนัขขนยาวมีน้ำหนักโตเต็มที่ประมาณ 2.3 กก. ซึ่งเป็นสายพันธุ์ ที่กำลัง ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ส่วนมากจะเป็นพันธุ์ที่ นำเข้าจากต่างประเทศ
2.2 ไลอ้อนเฮท
เป็นกระต่ายลูกผสมระหว่างพันธุ์ขนยาวเช่น แองโกล่า และ อิงลิชแองโกล่า กับพันธุ์ที่มีขนสั้น เช่น ซิลเวอร์ฟอกซ์ หรือพันธุ์พื้นเมือง พัฒนามาจนปัจจุบันเป็นกระต่ายขนาดปานกลางโตเต็มที่ประมาณ 2.5 กก. ขึ้นไป มีขนเฉพาะบริเวณแผงหน้ารอบลำ คอ สะโพก ขาหลัง ส่วนบริเวณอื่น ขนจะสั้น ในประเทศไทยเราจึงเรียกว่า ไลอ้อนเฮท เพราะมีลักษณะคล้ายสิงโต
3. ขนาดเล็ก (หรือกระต่ายแคระ) ในประเทศไทยมีอยู่หลากหลากสายพันธุ์ เช่น เท็ดดื้แบร์ มินิล็อป โปลิช เนเธอร์แลนด์ควาร์ฟ วู้ดดี์ทอย กระต่ายกลุ่มนี้จะมี น้ำหนักโตเต็มที่ประมาณ 8 ขีด ถึง 1.5 กก. ขึ้นไป
3.1 พันธุ์เท็ดดื้แบร์ เป็นกระต่ายที่ มีขนยาวมากตลอดทั้ง ลำตัว รวมทั้งใบหู และหน้าผากมองดูคล้ายสุนัขชิห์สุ มีหลากหลายสีสันน้ำหนักโตเต็มที่ประมาณ 1.5 กก. ลักษณะขนยาวเต็มที่ 4-5 นิ้วส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์นำเข้าจากต่างประเทศ และกำลังได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน
3.2 มินิล็อป เป็นกระต่ายสายพันธุ์นำเข้าจากต่างประเทศที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีลักษณะเด่นคือ ขนสั้นหนาแน่น เป็นมันเงา ลักษณะ หัวกะโหลก ใหญ่เมื่อโตเต็มที่และที่เป็นจุดเด่นคือ หูจะตกทั้งสองข้าง มีน้ำหนักโตเต็มที่ 1.8 กก.
3.3 โปลิศ เป็นกระต่ายแคระที่สุดในกลุ่มนี้ คือ มีน้ำหนักเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 8 ขีด ลักษณะพิเศษ คือ ขนสั้นเป็นมัน เงา ตาโต หูสั้นสวยงามมาก ส่วนใหญ่จะเป็น กระต่ายสายพันธุ์ ที่นำเข้าจากต่างประเทศ








จอมบึงเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดราชบุรีซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง
อันเป็นมหาวิทยาลัยที่ดิฉันเรียนอยู่ จอมบึงมี ทิวทัศน์สวยงาม มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อระดับประเทศ เช่น ถ้ำจอมพล

จอมบึงของเรา



จอมบึงเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดราชบุรีซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง

อันเป็นมหาวิทยาลัยที่ดิฉันเรียนอยู่ จอมบึงมีทิวทัศน์สวยงาม มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อระดับประเทศ เช่น ถ้ำจอมพล